ทำงานออนไลน์ สร้างรายได้บน Upwork : ตอนที่ 9 กรอกแบบฟอร์มภาษี W-8BEN

เมื่อเรามีรายได้เข้ามาจำนวนหนึ่งแล้ว ทาง Upwork จะให้เรากรอกแบบฟอร์มภาษีก่อนที่จะถอนเงินออกมาใช้ค่ะ เราจำเป็นต้องกรอกแบบฟอร์มภาษีนี้นะคะเพราะไม่งั้นจะถอนเงินออกมาใช้ไม่ได้ สำหรับฟรีแลนซ์ชาวไทยเราให้เลือกกรอกแบบฟอร์ม W-8BEN ค่ะ

แบบฟอร์ม W-8BEN คืออะไร

แบบฟอร์ม W-8BEN คือแบบฟอร์มสำหรับยืนยันว่าเราไม่ใช่ชาวอเมริกัน ไม่ได้ทำงานหรือทำธุรกิจในอเมริกา เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียภาษีให้อเมริกาแต่เสียในไทยแทน Upwork จะได้ไม่ต้องหักภาษีจากรายได้ของเราค่ะ

หากใครเคยขายภาพบนเว็บ photostock ต่างๆ ก็คงเคยกรอกกันมาบ้างแล้ว และใน Upwork ก็กรอกแบบเดียวกันค่ะ แต่สำหรับใครที่ไม่เคยกรอกก็มาดูไปพร้อมๆกันนะคะ

วิธีเข้าไปกรอกแบบฟอร์ม W-8BEN

ให้คลิกเข้าไปที่ Settings ซึ่งหาดูได้จากมุมขวาบนของหน้าจอตรงที่มีรูปเราอยู่ค่ะ เป็นที่เดียวกันกับตอนที่เราจะ Log out ค่ะ คลิกเข้าไปเลยแล้วจะเจอคำว่า Settings ใครงงก็ดูภาพข้างล่างเลยค่ะ

W-8BEN-upwork-1

ระบบจะมีการถาม password อีกครั้งเพื่อยืนยันว่าเป็นเจ้าของบัญชีจริงๆนะ ก่อนจะเข้าไปแก้ไขข้อมูลสำคัญที่อยู่ใน Settings และอาจจะมีคำถามเพื่อความปลอดภัยอีกชั้นนึงให้เราตอบซึ่งเป็นคำถามที่เราเคยตั้งไว้นั่นแหละ

จากนั้นก็มองหาคำว่า Tax Informaion แล้วก็คลิกเข้าไปเลย

W-8BEN-upwork-2

ตัวอย่างการกรอกแบบฟอร์มภาษี W-8BEN

ตัวอย่างนี้ใช้ได้กับ website อเมริกันทุกเว็บที่เราไปหารายได้นะคะ มีแนวทางการกรอกเหมือนกันค่ะ มัฟฟินเอาแบบฟอร์มจริงจากกรมสรรพากรของสหรัฐอเมริกามาให้ดู อันนี้เป็น Revision January 2017 นะคะ

W-8BEN-upwork-3

การกรอกแบบฟอร์มนี้จะต้องกรอกเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นนะคะ ห้ามกรอกเป็นภาษาไทย ข้อมูลที่ต้องกรอกมีดังนี้ค่ะ

Part I
  • ข้อ 1 กรอกชื่อจริง นามสกุลจริงเป็นภาษาอังกฤษ
  • ข้อ 2 กรอก Thailand
  • ข้อ 3 กรอกที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน บรรทัดแรกเป็นบ้านเลขที่ หมู่ ซอย ถนน ตำบล ส่วนบรรทัดสองเป็น อำเภอ จังหวัด รหัสไปรษณีย์ และช่อง Country ให้ใส่ Thailand
  • ข้อ 4 กรอกที่อยู่ที่สามารถส่งเอกสารได้ ถ้าเหมือนกันกับข้อ 3 ก็เว้นไว้ ไม่ต้องกรอก
  • ข้อ 5-7 เว้นไว้ ไม่ต้องกรอก
  • ข้อ 8 กรอกวันเดือนปีเกิด ให้กรอกเป็น เดือน-วัน-ปีค.ศ. เช่น ถ้าเกิดวันที่ 1 ธ.ค.2559 ก็กรอกเป็น 12-01-2016
  • W-8BEN-upwork-4
    Part II
  • ข้อ 9 กรอก Thailand
  • ข้อ 10 เว้นไว้ ไม่ต้องกรอก
  • Part III ไม่มีอะไรให้กรอก และข้างล่างสุด พิมพ์ชื่อ-นามสกุลอีกครั้งก็เป็นอันเสร็จ

    จะเห็นว่า Revision นี้จะต่างจาก Revision ก่อนคือไม่มีให้ส่วนที่ต้องติ๊กเลือก เช่น Type of beneficial owner ที่ปกติเราต้อง ติ๊ก Individual แต่ใน Revision นี้ไม่มีค่ะ

    เมื่อกรอกแบบฟอร์มเรียบร้อยแล้ว ระบบจะอนุญาตให้ฟรีแลนเซอร์เข้าถึงเงินได้ทันที บทความหน้ามัฟฟินจะมาสอนเกี่ยวกับการถอนเงินและจะบอกด้วยว่าทางไหนดีที่สุด ติดตามอ่าน ตอนที่ 10 ช่องทางถอนเงินจาก Upwork ได้เลยค่ะ

    ทำงานออนไลน์ สร้างรายได้บน Upwork : ตอนที่ 8 Top Rated Freelancer

    พอทำงานออนไลน์กับ Upwork มาสักพัก เพื่อนๆคงจะสังเกตเห็นคนที่เป็น Top Rated Freelancer อยู่บ้างใช่ไหมคะ เพื่อนๆอาจจะอยากรู้ว่า Top rate คืออะไร ดียังไง วันนี้มัฟฟินจะพาเพื่อนๆมาทำความรู้จักกับเจ้าสิ่งนี้กันค่ะ

    Top Rate คืออะไร?

    Top Rate เป็นเครื่องมือในการคัดฟรีแลนเซอร์ว่าใครทำงานดีและโดดเด่น เมื่อคัดแล้วก็จะเปิดโอกาสให้เติบโตในสายงานของตัวเองได้มากกว่าคนอื่นๆที่ไม่ได้เป็น Top Rate

    เป็น Top Rate แล้วดียังไง?

    ปกติเมื่อ Client โพสท์โปรเจคสักโปรเจคหนึ่งก็มักจะมองหาฟรีแลนเซอร์ที่เป็น Top Rate มากกว่าฟรีแลนเซอร์ทั่วไป ดังนั้นคนที่เป็น Top Rate จึงมักจะมีโอกาสที่จะได้งานมากกว่า

    ข้อดีของการเป็น Top Rated Freelancer มีดังนี้

    • คำเชิญให้เราส่ง proposal โปรเจคต่างๆ ซึ่ง client ที่ส่งคำเชิญมานั้นมีแนวโน้มที่จะพิจารณาเราก่อนคนอื่นๆ นั่นก็แปลว่า เรามีโอกาสได้รับงาน-ได้รับเงินมากกว่าคนอื่น
    • คำแนะนำในการเขียนโปรไฟล์ให้ดีขึ้น เมื่อเขียนโปรไฟล์ได้น่าสนใจมากขึ้น client ที่เข้ามาอ่านก็จะอยากจ้างเรามากขึ้น
    • การช่วยเหลืออย่างดีเยี่ยมทั้งทางโทรศัพท์, แชท และ e-mail เมื่อมีปัญหา
    • สิทธิ์ในการเข้าร่วมในชุมชนคน Top Rate เพื่อให้เรามีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์จาก Top Rate คนอื่นๆ
    • ลบ feedback ที่ไม่ดีออกจากโปรไฟล์ได้ 1 job
    • เลือกลบดาวรีวิวที่น้อยหรือ comment ที่ไม่ดีออกไปได้

    จะเป็น Top Rate ได้อย่างไร?

    การจะเป็น Top Rate ได้นั้นจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้

    • ทำรายได้อย่างน้อย $1,000 ในหนึ่งปีที่ผ่านมา
    • กรอกโปรไฟล์ครบถ้วน 100%
    • มี Job Success Score 90% ขึ้นไป
    • มี Rising Talent หรือ Job Success Score อย่างน้อย 90% (อย่างน้อย 13 สัปดาห์จาก 16 สัปดาห์)
    • มีความเคลื่อนไหวตลอด 3 เดือนบน Upwork (ส่ง Proposal, ตอบ chat, ทำงาน ฯลฯ)
    top-rated-freelancer-1

    รู้อย่างนี้แล้วเรามาทำตัวเราให้ติด Top Rated Freelancer กันดีกว่า โดยเริ่มจากการกรอก Profile ให้ได้ 100%

    ก่อนอื่นมาดูกันก่อนว่าส่วนไหนให้เปอร์เซ็นต์เท่าไหร่บ้าง

    • ประวัติการศึกษา +10%
    • ประสบการณ์อื่นๆ +5%
    • ประวัติการทำงาน +10% (สูงสุด30%)
    • คะแนนการทดสอบ Skill Test +10% (สูงสุด30%)
    • ใบประกาศต่างๆ +5% (สูงสุด10%)
    • ผลงานต่างๆ +5% (สูงสุด10%)

    คราวนี้มัฟฟินจะสอนกรอกในส่วนของผลงาน (Portfolio) ต่างๆและใบประกาศนียบัตร (Certificate) รวมทั้งบอกวิธีไปทำ Test เพราะในส่วนอื่นๆนั้นเราได้กรอกหมดแล้วตั้งแต่ตอนที่ 2 สร้างโปรไฟล์เบื้องต้น

    การกรอกผลงาน (Portfolio)

    ให้เพื่อนๆไปที่หน้า Profile แล้วเลื่อนลงมาหาหัวข้อ Portfolio จากนั้นคลิกที่หัวข้อดังกล่าว (หรือคลิกที่เครื่องหมายบวกข้างๆหัวข้อนั้นก็ได้) เพื่อเพิ่มผลงานที่เราเคยทำ

    top-rated-freelancer-2

    จากนั้นจะปรากฏหน้าต่างขึ้นมาให้เรากรอกข้อมูล โดยจะต้องกรอกชื่อโปรเจคที่ทำ, เลือกว่าโปรเจคนี้ทำบน upwork หรือไม่, ข้อมูลคร่าวๆของโปรเจค, เลือกประเภทของโปรเจค, วันที่ทำเสร็จ และเพิ่มรูปภาพ จากนั้นก็คลิกที่ปุ่ม Publish Project (ตัวอย่างดังภาพข้างล่าง) ในส่วน Portfolio นี้เพื่อนๆสามารถเพิ่มกี่โปรเจคก็ได้ตามใจเพื่อนๆเลย ยิ่งเยอะยิ่งดีค่ะ

    top-rated-freelancer-3

    การเพิ่ม Certificate

    ถัดมาจะเป็นส่วนของ Certifications ให้คลิกที่หัวข้อ Certifications (หรือคลิกที่เครื่องหมายบวกข้างๆหัวข้อนั้นก็ได้)

    top-rated-freelancer-4

    จากนั้นเลือกชื่อใบประกาศนียบัตรที่เคยได้รับ แต่ถ้าไม่มีใน list ให้เลือก other

    top-rated-freelancer-5

    สมมติว่าเลือก other เราจำเป็นต้องกรอกชื่อใบประกาศฯเอง โดยระบุหน่วยงานที่ออกใบประกาศฯนี้ให้เรา คำอธิบายเกี่ยวกับใบประกาศฯ วันเดือนปีที่ได้รับ จากนั้นคลิกปุ่ม Add Certification ก็เป็นอันเสร็จ ถ้าเพื่อนๆมีหลายใบก็สามารถเพิ่มได้อีกโดยทำแบบเดิมคือคลิกที่เครื่องหมายบวกข้างๆคำว่า Certifications เลือกใบประกาศฯ กรอกรายละเอียด และคลิกปุ่ม Add Certification ค่ะ

    top-rated-freelancer-6

    การทำ Tests

    ถัดมาคือการทำ Tests โดยคลิกที่หัวข้อ Tests เพื่อไปยังหน้า Skill Tests ซึ่งจะมีชุดข้อสอบต่างๆให้เราเลือกทำ มัฟฟินแนะนำให้ทำแบบทดสอบภาษาอังกฤษก่อน เช่น UK English Basic Skills Test และ U.S. English Basic Skills Test เพราะงานหลายๆโปรเจคมักจะกำหนดคุณสมบัติว่ารับเฉพาะ freelancer ที่ผ่านการทดสอบภาษาอังกฤษของ upwork

    นอกจากนี้เพื่อนๆยังสามารถทำแบบทดสอบที่ตรงกับความสามารถของตัวเองเพิ่มได้ค่ะ

    top-rated-freelancer-7

    แบบทดสอบภาษาอังกฤษจะมีทั้งหมด 40 ข้อ เป็นแบบ multiple choice ใช้เวลาทำ 40 นาทีค่ะ

    top-rated-freelancer-8

    เมื่อทำแบบทดสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราต้องตั้งค่าให้คะแนนของเราแสดงบน Profile โดยคลิกปุ่ม YES ตรงคอลัมน์ Display on profile เมื่อคลิกแล้วปุ่ม YES จะเป็นสีเขียว ตามภาพข้างล่างค่ะ

    top-rated-freelancer-9

    ใครที่ได้คะแนนน้อยก็ไม่ต้องกังวลค่ะ (เราก็ได้น้อยเหมือนกัน ฮ่าๆๆ) เพราะเพื่อนๆสามารถกลับมาทำแบบทดสอบใหม่ได้ในอีก 30-180 วันข้างหน้าขึ้นอยู่กับแบบทดสอบแต่ละแบบค่ะ

    มัฟฟินคงต้องจบบทความนี้ไว้เท่านี้ เพราะต้องรีบไปเขียนเรื่องการกรอกแบบฟอร์มภาษี W-8BEN ต่อ อย่าลืมติดตามกันนะคะ